ผู้ใช้:Rayya619/ทดลองเขียน

จาก วิกิพจนานุกรม พจนานุกรมเสรี

เชษฐ ตันสกุล[แก้ไข]

นายเชษฐ ตันสกุล เรียนจบ ม.3 จากโรงเรียนประจำอำเภอปากพนัง อายุประมาณ 15-16 ปี ได้มาเป็นผู้ช่วยควบคุมกิจการเดินเรือต่อเรือของนายโพธิ์ที่สงขลาประมาณ 2 ปี  เดินเรือ “พนังสิน”  เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ในเรือ เจอปัญหาพายุคลื่นลมแรงก็กลับบ้านมาดูแลโรงสีที่ปากพนัง จากนั้นก็ไปเปิด

         โรงงานทำน้ำอัดลม โดยได้รับการสนับสนุนจากคุณป้า  ทำตั้งแต่ล้างขวดเอง ส่งเอง ทำด้วยตัวเองทุกอย่าง ขายได้วันละ 40-50 ลัง เริ่มขายดีจนติดตลาด แต่ในที่สุดก็ต้องขายกิจการทิ้ง เพราะมีนายกเทศมนตรีสนใจต้องการที่จะทำ จึงเสนอขายกิจการให้กับนายกเทศมนตรีไปทำแทน จากนั้นก็มาช่วยพี่ชาย คือ นายวัลลภค้าขายข้าวสารที่สุไหงโกลก ทำประมาณ 2 ปี ว่างๆก็ออกไปดูเค้าทำผ้าปาเต๊ะจากมาเลเซีย จึงเกิดความสนใจ หลังจากกิจการของนายวัลลภซบเซาลง ก็มาตั้งโรงงานทำผ้าปาเต๊ะ ขึ้นแบบแม่พิมพ์เอง เขียนสีเอง ทำกิจการได้ 2 ปี  ตลาดต้อง การผ้าปาเต๊ะมาขายในรูปแบบเงินเชื่อ จึงไม่มีทุนทำต่อ จึงตัดสินใจขายกิจการผ้าปาเต๊ะให้กับคนภูเก็ต  จากนั้นก็ไปค้าขายที่สิงคโปร์ นำเครื่องดื่ม น้ำอัดลม เป๊ปซี่ โคล่า ผงซักฟอก มาขายยังประเทศไทย นับเป็นเจ้าแรกของประเทศที่นำมาขายแถบภาคใต้ของไทย หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่บ้านที่ปากพนัง เปิดร้านรับซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากกรุงเทพฯ เช่น น้ำส้ม ผงซักฟอก และอื่นๆ

         เมื่อปี 2502  ได้เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ เพียงคนเดียว ด้วยเงินติดตัวเพียง 265 บาท เช่าห้องอยู่ห้องล่ะ 150 บาทต่อเดือน คิดอยู่เสมอว่าในแต่ละวันจะเอาเงินมาจากไหน พยายามทำงานทุกอย่าง รับจ้างรายวันบ้าง รับเหมาก่อสร้างบ้าง เป็นคนนำเที่ยวบ้าง ทำทุกอย่างที่ได้เงิน กระทั่งมาเป็นนายหน้าให้กับบริษัทเกาหลี ได้รับเงิน เดือนๆละ 450 บาท ได้มารู้จักพ่อเลี้ยงรัศมีจากจังหวัดลำปาง ซึ่งมีชื่อเสียงในการก่อสร้าง จึงมาเป็นพนักงานทั่วไปให้กับพ่อเลี้ยงรัศมี คอยติดต่อประสานงานเกี่ยวกับธุรกิจให้กับ บริษัท สหพาณิชย์และอุตสาหกรรม จำกัด  จนได้รู้จักกับนายมงคล ฝ่ายการเงินของบริษัทฯ ต่อมานายมงคลได้มาทำงานเป็นพนักงานของธนาคารเอเชีย  และได้แนะนำให้นายเชษฐซื้อที่ดินแถวสุรวงศ์ ซึ่งเป็นที่ดินที่ธนาคารยึดมานำมาขายให้กับนายเชษฐ  นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นายเชษฐมีที่ดินเป็นของตนเอง ซึ่งเป็นอาคารสามชั้นในซอยพุทธโอสถแถวสุรวงศ์ จากนั้นนายเชษฐก็ลาออกจาก บริษัท สหพาณิชย์และอุตสาหกรรม จำกัด เพื่อมาเปิดกิจการส่วนตัว เป็นนายหน้าอยู่แถวโคลิเซี่ยม วิ่งเต้นขายปุ๋ย มาซื้อปุ๋ยที่ปากคลองตลาด อยู่วงการปุ๋ยมาสักระยะหนึ่ง  จนได้เป็นตัวแทนจำหน่ายปุ๋ย  และพอมองเห็นช่องทางในการผลิตและจัดจำหน่าย จึงมีความคิดอยากจะตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยเป็นของตนเอง ในตอนนั้นมีเงินอยู่ประมาณ 3-4 แสนบาท จึงไปเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์แถวรังสิตคลองสี่  ประมาณ 2 ไร่ ทำเป็นโรงงานเล็กๆผลิตปุ๋ย ผลิตได้วันละ 2-3 ตัน จากนั้นเริ่มขยับขยายมาซื้อที่ดินแถวคลองสอง ปทุมธานี เพื่อสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยที่ใหญ่ขึ้น นับเป็นจุดเริ่มต้นในการก่อสร้าง บริษัท เอเซียอุตสาหกรรมปุ๋ยและโรงสีข้าว จำกัด และได้รับใบอนุญาตเมื่อปี 2518 กำลังการผลิตปุ๋ยอยู่ประมาณ 150 ตันต่อวัน

         ซื้อหัวรถจักรมาปั่นกระแสไฟใช้กับเครื่องสีข้าว และได้ย้ายโรงงานปุ๋ยจากคลองสี่มาอยู่คลองสอง จนถึงปัจจุบัน พร้อมกับมีโรงสีอยู่ที่หัวไทร  จังหวัดนครศรีธรรมราช (ซึ่งโรงสีนี้ย้ายมาจากคลองสอง) นอกจากนี้ได้มีโอกาสซื้อที่ดินที่เกาะพร้าว จังหวัดพังงา  และที่ดินที่เกาะสิเหร่  จังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันประกอบกิจการเป็นท่าเทียบเรือเอเชีย มารีน่า หลังจากนั้นก็มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินของบ้านที่ปากพนัง ได้ทำการสร้าง “บ้านปู่ย่า ตันสกุล” เมื่อปี 2555 และมีโอกาสได้ที่ดินเพิ่มเติมติดกับบ้านดังกล่าว  เพื่อให้มีเนื้อที่เพิ่มขึ้น จึงได้นำมาปรับปรุงสร้างเป็น  “บ้านปู่ย่า ตันสกุล” ที่ใหญ่ขึ้น และมี “สวนพบสุข” เพื่อใช้เป็นสถานที่ปล่อยความทุกข์ และรับความสุขของผู้ที่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปากพนัง ตรงข้ามองค์การโทรศัพท์ จังหวัดนครศรีธรรมราช